เคยซื้อเครื่องติดตามฟิตเนสเพื่อให้แน่ใจว่าคุณเดินครบ 10,000 ก้าวทุกวันหรือไม่? หรือเคยซื้อเครื่องวัดความดันโลหิต มาวัดความดันโลหิตที่บ้านบ้างไห ? ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด นั่นหมายความว่าคุณได้ลงทุนใน Healthtech แล้ว 

ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งเทคโนโลยีด้านสุขภาพหรือที่เรียกว่า Healthtech 

แม้ว่าจะไม่ใช่อุตสาหกรรมใหม่ แต่การเติบโตในปัจจุบันก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุน ตลาดสุขภาพดิจิทัลทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 240.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2566 และคาดว่าจะเติบโตที่อัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่ 21.9% ตั้งแต่ปี 2567 ถึง 2573 ^[1] 

เนื่องจาก ตลาด Healthtech พร้อมสำหร้บสำหรับการลงทุนและนวัตกรรม อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอกาสที่คุณสามารถใช้ประโยชน์จากภาคส่วนการดูแลสุขภาพและเทคโนโลยี 

Healthtech คืออะไร 

องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้คำนิยาม Healthtech ว่าเป็น “การประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะที่เป็นระบบในรูปแบบของอุปกรณ์ ยา วัคซีน ขั้นตอน และระบบที่พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพและปรับปรุงคุณภาพชีวิต” ^[2] 

Healthtech มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ การลดต้นทุน และปรับปรุงผลลัพธ์ของผู้ป่วย 

Healthtech ครอบคลุมนวัตกรรมมากมายที่มุ่งปรับปรุงด้านต่าง ๆ ของระบบการดูแลสุขภาพ นี่คือส่วนสำคัญบางส่วนในอุตสาหกรรม: 

1. Biophama 

Biopharma ผสมผสานชีววิทยาและเทคโนโลยีเพื่อสร้างยาและวิธีการรักษาที่มีนวัตกรรมผ่านเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น การคัดกรองอย่างรวดเร็ว การออกแบบยาด้วยคอมพิวเตอร์ และชีวสารสนเทศศาสตร์ (bioinformatics) ระบุตัวยาที่มีศักยภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ความสำคัญของ biopharma ปรากฏชัดในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการพัฒนาและการใช้งานวัคซีน mRNA อย่างรวดเร็วโดยบริษัทต่าง ๆ เช่น Pfizer-BioNTech และ Moderna ซึ่งได้ปฏิวัติเทคโนโลยีวัคซีน ^[3] ความก้าวหน้านี้ช่วยให้สามารถพัฒนาและปรับให้ใช้ง่ายขึ้นกับสายพันธุกรรมใหม่ ๆ 

ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) อนุมัติการบำบัดด้วย CRISPR ครั้งแรกในชื่อ Exa- cel สำหรับการรักษาโรคเซลล์เลือด ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในเทคโนโลยีการแก้ไขพันธุกรรม ^[4] 

2. Digital Health 

Digital Health ประกอบด้วยการแพทย์ทางไกล แอปสุขภาพบนมือถือ อุปกรณ์สวมใส่ และเครื่องมือวินิจฉัย โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ 

การแพทย์ทางไกลช่วยให้สามารถวินิจฉัยและรักษาจากระยะไกลผ่านการประชุมผ่านวิดีโอและการสื่อสารดิจิทัล ทำให้การดูแลสุขภาพเข้าถึงได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทหรือพื้นที่ด้อยโอกาส 

ตามรายงานของ McKinsey การใช้งานด้านสุขภาพทางไกลคงที่ในระดับที่สูงกว่าระดับก่อนการแพร่ระบาดถึง 38 เท่า โดยผู้บริโภคที่สำรวจ 40% ใช้บริการสุขภาพทางไกลในปี 2564 ^[5] 

3. Health IT 

เทคโนโลยีสารสนเทศด้านสุขภาพ (Health IT) มุ่งเน้นไปที่การใช้ระบบสารสนเทศเพื่อจัดการข้อมูลด้านสุขภาพ ซึ่งรวมถึงบันทึกสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EHR) การแปลงกราฟของผู้ป่วยให้เป็นดิจิทัล เพื่อสร้างภาพรวมข้อมูลสุขภาพที่ครอบคลุมพร้อมประวัติทางการแพทย์ การวินิจฉัย ยา แผนการรักษา และผลการทดสอบ 

“ภายในปี 2568 คาดว่าโลกจะผลิตข้อมูลด้านการดูแลสุขภาพได้ 15,000 เอ็กซาไบต์ต่อปี เทียบกับเพียง 2,000 ในปี 2563” 

• Arnaud Bauer, Partner at LEK Consulting 

ตลาดไอทีด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตจาก 321.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 เป็น 822.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2570 โดยมีอัตรา CAGR ที่ 20.2% ตั้งแต่ปี 2565 ถึง 2570 ^[6] การเติบโตนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทต่าง ๆ เช่น Epic Systems ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ Microsoft ในปี 2566 เพื่อรวมเครื่องมือ AI เข้ากับแพลตฟอร์ม EHR ของตน จุดมุ่งหมายคือเพื่อปรับปรุงการสนับสนุนการตัดสินใจทางคลินิกและปรับปรุงงานด้านการบริหาร ^[7] 

4. Bioteach 

เทคโนโลยีชีวภาพใช้กระบวนการทางชีววิทยาเพื่อวัตถุประสงค์ทางอุตสาหกรรมและวัตถุประสงค์อื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดัดแปลงพันธุกรรมของจุลินทรีย์เพื่อผลิตยาปฏิชีวนะ ฮอร์โมน ฯลฯ ช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างแม่นยำ โดยที่การรักษาได้รับการปรับให้เหมาะกับลักษณะทางพันธุกรรมของแต่ละบุคคลหรือสายพันธุ์ของโรคเฉพาะ 

บริษัทต่าง ๆ เช่น Illumina และ 23andMe ได้ สร้างความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการตรวจสอบสายพันธุกรรม ทำให้มีราคาไม่แพงและเข้าถึงได้มากขึ้น 

5. หุ่นยนต์และ AI 

ในยุคของปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์กำลังเปลี่ยนแปลงแง่มุมต่าง ๆ ของการดูแลสุขภาพ ตั้งแต่การผ่าตัดไปจนถึงการวินิจฉัย 

เครื่องจักรอย่าง ระบบการผ่าตัดดาวินชี ได้ดำเนินการขั้นตอนที่มีการบุกรุกน้อยที่สุดมากกว่า 7 ล้านขั้นตอนทั่วโลกด้วยความแม่นยำสูง ^[8] ช่วยให้ศัลยแพทย์มีความคล่องตัวและการควบคุมที่ดีขึ้น ส่งผลให้ระยะเวลาการฟื้นตัวลดลงและมีภาวะแทรกซ้อนน้อยลง 

โมเดลการเรียนรู้ของเครื่องสามารถตีความภาพทางการแพทย์ (เช่น รังสีเอกซ์และ MRI) ทำนายการระบาดของโรค และระบุรูปแบบในชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่เกินความสามารถของมนุษย์ 

ในอีกตัวอย่างหนึ่ง DeepMind ของ Google ได้พัฒนาระบบ AI ที่สามารถทำนายการบาดเจ็บที่ไตเฉียบพลันได้นานถึง 48 ชั่วโมงก่อนที่จะเกิดขึ้น ทำให้มีเวลาได้ทันท้วงที ^[9] 

เหตุใด Healthtech จึง มีความสำคัญ 

Healthtech มีความสำคัญด้วยเหตุผลหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีความเกี่ยวพันกับแง่มุมต่าง ๆ ของการดูแลสุขภาพและสังคม 

1. การปรับปรุงคุณภาพการดูแล : Healthtech ปรับปรุงคุณภาพการดูแลโดยทำให้แผนการรักษาเฉพาะบุคคลและปรับปรุงกระบวนการในโรงพยาบาล เพื่อทำให้การดูแลสุขภาพมีศูนย์กลางที่ตั้งอยู่ที่ผู้ป่วยมากขึ้น 

2. เพิ่มการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ : ขยายการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือมีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว ผ่านแอปพลิเคชันสุขภาพทางไกลและสุขภาพเคลื่อนที่ 

3. การลดต้นทุน : ด้วยการปรับปรุงขั้นตอนการทำงานและลดความไร้ประสิทธิภาพ Healthtech มีศักยภาพในการลดต้นทุนด้านการรักษาพยาบาลได้อย่างมาก ทำให้ทุกคนมีราคาไม่แพงมากขึ้น 

4. การสนับสนุนประชากรสูงอายุ:  

“ประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปีคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าภายในปี 2593” 

Arnaud Bauer, Partner at LEK Consulting 

ด้วยจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น Healthtech จึงนำเสนอวิธีแก้ปัญหาสำหรับการติดตามระยะไกลและการดำรงชีวิตอย่างอิสระ ซึ่งสนับสนุนประชากรสูงอายุในการรักษาคุณภาพชีวิตที่ดี 

5. นวัตกรรมในการรักษา: Healthtech ส่งเสริมนวัตกรรมในการพัฒนายาและกระบวนการทางการแพทย์ ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดีขึ้น 

6. การจัดการข้อมูล: การใช้ระบบไอทีและอัลกอริธึมใน Healthtech ช่วยในการจัดการข้อมูลด้านสุขภาพจำนวนมหาศาล ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการปรับปรุงโปรโตคอลการรักษา คาดการณ์แนวโน้มด้านสุขภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการดูแลสุขภาพโดยรวม 

ทำไมต้องลงทุนใน Healthtech ^[10][11][12] 

การลงทุนใน Healthtech มีความน่าสนใจด้วยเหตุผลหลายประการ: 

การเติบโตของตลาดอย่างรวดเร็ว 

ตลาด Healthtech กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับวิธีการแก้ปัญหาด้านการดูแลสุขภาพขั้นสูงและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง คาดว่าตลาดจะขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญในปีต่อ ๆ  ไป 

Deloitte เน้นย้ำว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้สร้างโอกาสมหาศาลสำหรับนักสร้างสรรค์นวัตกรรมและนักลงทุนใน Healthtech ในปี 2563 การลงทุนพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยทุ่มเงิน 21.6 พันล้านดอลลาร์ในบริษัทด้านสุขภาพดิจิทัล ซึ่งมากกว่าการลงทุนในปีที่แล้วถึงสองเท่า 

ความยืดหยุ่นและการเติบโต 

Healthtech แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ความจำเป็นสำหรับวิธีการแก้ปัญหาการดูแลสุขภาพระยะไกลและเครื่องมือด้านสุขภาพดิจิทัลได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งและความสามารถในการปรับตัวของภาคส่วนนี้ 

รายงาน Future of Healthtech ปี 2566 ของธนาคาร Silicon Valley ระบุว่า แม้จะมีสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ท้าทาย แต่ผลการดำเนินงานของบริษัท Healthtech ก็เริ่มแสดงให้เห็นความยืดหยุ่นในปีนี้ ซึ่งถือเป็นแนวโน้มเชิงบวกครั้งแรกในรอบกว่าหนึ่งปี 

โอกาสการลงทุนที่หลากหลาย 

Healthtech นำเสนอโอกาสในการลงทุนที่หลากหลาย ตั้งแต่บริษัทที่จัดตั้งขึ้นไปจนถึงบริษัทสตาร์ทอัพหน้าใหม่ ครอบคลุมภาคส่วนย่อยต่าง ๆ เช่น ไบโอฟาร์มา สุขภาพดิจิทัล และ AI ในการดูแลสุขภาพ 

ข้อมูลเชิงลึกของ McKinsey & Company เกี่ยวกับ ความตื่นเต้นของนักลงทุน Healthtech ระบุว่าในปี 2562 สุขภาพดิจิทัลเป็นตัวแทนของตลาดโลกที่มีมูลค่าประมาณ 350 พันล้านดอลลาร์ พร้อมโอกาสในการแข่งขันในหลายประเภทย่อย 

การลงทุนใน Healthtech ยังช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับภาคส่วนต่าง ๆ ต่างจากภาคส่วนอื่น เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค เทคโนโลยี หรือการเงิน Healthtech ได้รับแรงผลักดันจากปัจจัยเฉพาะ เช่น ความต้องการด้านการดูแลสุขภาพ การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบ และความก้าวหน้าทางการแพทย์ สิ่งนี้จะช่วยกระจายความเสี่ยงและให้ความมั่นคงและการเติบโตแม้ว่าภาคส่วนอื่นจะมีประสิทธิภาพต่ำกว่าก็ตาม 

ผลตอบแทนที่เป็นไปได้ 

ข้อมูลในอดีตบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งใน ภาคส่วน เทคโนโลยีด้านสุขภาพ โดยมีบริษัทและเทคโนโลยีหลายแห่งที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนจำนวนมาก นวัตกรรมที่กำลังดำเนินอยู่และความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นบ่งชี้ถึงศักยภาพสูงในการได้รับผลกำไรในอนาคต 

บทความเดียวกันของ McKinsey ระบุว่าตลาดสำหรับเทคโนโลยีในทุกกลุ่มมูลค่าคาดว่าจะเติบโตอย่างน้อย 8% ต่อปี ซึ่งบ่งชี้ถึง การสร้างผลตอบแทน ที่ เป็นไปได้สำหรับการลงทุนใน ภาคส่วน เทคโนโลยีด้านสุขภาพ 

แนวทางการลงทุนใน Healthtech 

เมื่อคุณมีความเข้าใจในอุตสาหกรรมนี้มากขึ้นแล้ว คุณจะลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างไร? 

หุ้นในธุรกิจ Healthtech 

นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องโดยตรง กับ Healthtech ซึ่งสามารถแบ่งเป็นหมวดใหญ่ ๆ ได้ดังนี้: 

• บริษัทใหญ่ในด้าน Healthtech 

บริษัทเหล่านี้เป็นผู้เล่นที่มีชื่อเสียงและมีสถานะทางการตลาดที่สำคัญ พวกเขาให้ความมั่นคงและมักจะเกี่ยวข้องกับ Healthtech หลายด้าน ตัวอย่างเช่น Medtronic มีชื่อเสียงในด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์ และ Oracle เชี่ยวชาญด้านโซลูชันไอทีด้านการดูแลสุขภาพ 

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ​​​​ บริษัท Healthtech ที่คุณสามารถลงทุนได้ในปี 2024 ที่นี่ 

• Emerging Startups  
  บริษัทเหล่านี้อยู่ในระดับแนวหน้าของนวัตกรรม Healthtech พวกเขาอาจมีศักยภาพในการเติบโตที่สูงขึ้น แต่มาพร้อมกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น นักลงทุนควรมองหาสตาร์ทอัพที่มีทรัพย์สินทางปัญญาที่แข็งแกร่ง พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ และเส้นทางสู่การทำกำไรที่ชัดเจน 

หากบริษัทสตาร์ทอัพยังไม่ได้จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนในหุ้นของพวกเขาผ่าน venter capital funds, แพลตฟอร์ม crowdfunding หรือโอกาสในการลงทุนในหุ้นนอกตลาด คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลือกเหล่านี้ได้ด้านล่าง 

กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETFs) 

ETF ให้ทางเลือกในการลงทุนในกองทุนหุ้น Healthtech หลายราย โดยนำเสนอการกระจายความเสี่ยงและลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับหุ้นแต่ละตัว ตัวอย่างได้แก่: 

• iShares US Healthcare Providers ETF (IHF) : ETF นี้ติดตามผู้ให้บริการและบริการด้านสุขภาพที่หลากหลาย รวมถึง บริษัท Healthtech 

• ARK Genomic Revolution ETF (ARKG) : ARKG มุ่งเน้นไปที่บริษัทที่มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากการขยายและยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษย์และชีวิตอื่น ๆ โดยผสมผสานการพัฒนาทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน 

กองทุนรวม 

กองทุนรวมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลาย บริหารโดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ กองทุนรวมที่มุ่งเน้น Healthtech ลงทุนในบริษัทที่จัดตั้งขึ้นแล้วและบริษัทสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง Fidelity Select Health Care Portfolio (FSPHX) เป็นตัวอย่างที่รวม การลงทุน ด้าน Healthtech 

Venture Capital 

Venture capital ช่วยให้นักลงทุนเข้าร่วมในช่วงต้นของการเติบโตของบริษัทแม้ว่าสิ่งนี้จะมีกำไรสูง แต่ก็มีความเสี่ยงที่สำคัญเช่นกัน บริษัท VC ที่เน้น Healthtech บางแห่ง ได้แก่ Rock Health และ Kleiner Perkins 

Crowdfunding 

แพลตฟอร์ม crowdfunding ช่วยให้นักลงทุนรายย่อยสามารถบริจาคให้กับ สตาร์ทอัพ Healthtech เพื่อรับทุนหรือผลตอบแทน แพลตฟอร์มอย่าง StartEngine และ WeFunder ช่วยให้นักลงทุนสามารถค้นหาและลงทุนใน บริษัท Healthtech ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น 

การลงทุนโดยตรงในบริษัท 

สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนจำนวนมาก การลงทุนโดยตรงใน บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน Healthtech เอกชนก็เป็นทางเลือกหนึ่ง นี่คือตัวอย่างของบริษัทที่คุณสามารถลงทุนได้ ^[13]: 

• Tempus 

• Walgreens 

• Included Health 

• Maven Clinic 

• GRAIL 

• Headway 

• Medely 

• Modivcare 

• Pearl Health 

• Strata Decision Technology 

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ​​​​การเข้าถึงอุตสาหกรรม Healthtech ในบทความของเราที่นี่ 

บทสรุป 

Healthtech กำลังปฏิวัติอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ โดยนำเสนอโอกาสที่ไม่มีใครเทียบได้สำหรับนวัตกรรม การดูแลผู้ป่วยที่ดีขึ้น และการลดต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากตลาดยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว ศักยภาพในการได้รับผลตอบแทนสูงทำให้ตลาดแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน 

พร้อมที่จะก้าวไปอีกขั้นและลงทุนในอนาคตของการดูแลสุขภาพแล้วหรือยัง? 

เปิดบัญชี กับ Vantage Markets วันนี้และเริ่มสำรวจโอกาสที่น่าตื่นเต้น ใน Healthtech เข้าร่วมการเคลื่อนไหวสู่โลกที่มีสุขภาพดีและมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากขึ้น 

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ อุตสาหกรรม Healthtech บน เว็บไซต์ The Vantage View หรือติดตามข่าวสารล่าสุดด้วย Vantage Markets Podcast บน Spotify 

อ้างอิง

Disclaimer: The material provided here has not been prepared in accordance with legal requirements designed to promote the independence of investment research and as such is considered to be a marketing communication. Whilst it is not subject to any prohibition on dealing ahead of the dissemination of investment research we will not seek to take any advantage before providing it to our client. No representation or warranty is given as to the accuracy or completeness of this information and therefore it shouldn't be relied upon as such. Any research provided does not have regard to specific financial situations, needs or investment objectives. Vantage accepts no responsibility for any use that may be made of these comments and for any consequences that result. Consequently, any person acting on it does so entirely at their own risk. We advise any readers of this material to seek professional advice where necessary. Without the approval of Vantage, reproduction or redistribution of this information isn't permitted.